หาดใหญ่ จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไร ถ้าเรายังไม่ยอมพูดความจริง?
ช่วงหลายวันที่ผ่านมากระแสเกี่ยวกับเศรษฐกิจซบเซาที่เมืองหาดใหญ่ ถูกพูดถึงในวงกว้างถูกตีแผ่แง่มุมต่างๆ ทั้งในสื่อระดับชาติ สื่อท้องถิ่น ที่มีความเห็นหลากหลายแตกต่างกันออกไป ผมได้ติดตามทั้งสื่อที่นำเสนอถึงความซบเซาของเมือง และสื่อที่นำเสนอว่าเมืองยังเป็นปกติแค่มีผลกระทบตามเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลกเท่านั้นเอง
ติดตามจากทั้ง 2 ฝั่งแต่จะไม่ขอเอ่ยถึงบุคคลใดๆ มาอ้างอิง แต่ขอเสนอในความคิดส่วนตัวในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของหาดใหญ่ วันนี้หากจะให้่โจทย์สัก 1 ข้อว่า "มาหาดใหญ่เที่ยวไหนดี" มองแบบวันเดย์ทริป วันเดียวเที่ยวทั่วเมือง ตื่นเช้ามาแน่นอนว่าหาดใหญ่ต้องไปหาแต่เตี๋ยมติ่มซำรองท้องยามเช้า สายๆ ขึ้นเขาคอหงส์ชมเมืองหาดใหญ่ ก่อนหาอาหารหนักในภาคเที่ยงซึ่งมีให้เลือกมากมาย ไทย จีน มุสลิม สากล พื้นบ้านที่นี่มีครบหมด อิ่มแล้วก็ต้องไปเดินช้อปปิ้งหาของฝากกันที่ตลาดกิมหยง ย่านค้าขายในตำนานของเมือง พลบค่ำหากจะเที่ยวก็มทั้งตลาดน้ำคลองแห ตลาดกรีนเวย์ เปิดท้ายขนส่ง หรือจะหาของกินแบบจัดหนักก็มีให้เลือก อยาเที่ยวต่อภาคดึกสถานบันเทิงก็มีมากมาย
นำเสนอแค่นี้ก็สะท้อนได้ว่าหาดใหญ่ยังมีสีสัน แต่ถ้าถามจริงๆ วันนี้คนมาหาดใหญ่เขาไปไหนกัน ถ้าถามคนรอบเมืองหาดใหญ่ทั้ง รัตภูมิ ควนเนียง บางกล่ำ นาหม่อม ฯลฯ เขาเหล่านี้บอกเลยว่าหาดใหญ่ก็ไปเที่ยวห้าง มีไม่กี่คนหรอกที่บอกว่าไปตลาดสด ไปกิมหยง พลาซ่า เพราะคนเข้าเมืองสมัยเขาขับรถมาเองเกือทั้งหมด ถ้าไปที่เหล่านี้จะจอดรถที่ไหน จะเดินไปอย่างไร ถ้าไม่เจาะจงสินค้าที่จะซื้อจริงๆ ก็บอกเลยว่าแทบไม่มีใครอยากไปเดินสถานที่เหล่านี้หรอก เหมือนที่หลายคนบอกว่าวันนี้สินค้าในตลาดก็แทบไม่ต่างจากในห้าง เดินห้างตากแอร์ฟรีมีที่นั่งพัก มีของกินหลากหลาย จอดรถสบายได้ของราคาชัดเจน
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบซื้อของในตลาดเหล่านี้เพราะเคยมีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโง่ หลายปีมาแล้วไปเดินซื้อกางเกงยีนส์ แม่ค้าบอก 590 ผมก็เลือกจนชอบจนถููกใจเลยตัดสินใจซื้อถามแม่ค้าว่าลดได้เท่าไหร่ แม่ค้ายิ้มหวานบอกพี่ยอมขาดทุนให้ 550 ก็แล้วกัน เพื่อนอีกคนเป็นนักต่อรองชั้นเยี่ยมเขาไปซื้อยีนส์แบบเดียวกันได้ในราคา 350 ผมเลยโดนแซวว่าซื้อของไม่เป็นว่าโง่อยู่หลายวัน ซึ่งเพื่อนเขาแค่แซวขำๆ หยอกเล่นๆ แต่มันฝังใจผมอยู่จนทุกวันนี้ จนผมแทบไม่เคยซื้อของเหล่านี้จากตลาดเลยเพราะผมมองว่าถ้าซื้อในห้างยังไง "มึงกับกูก็ได้ราคาเดียวกันแน่เว้นแต่เขาจะมีโปรโมชั่น"
สำหรับสาวๆ หรือคนชอบซื้อของเขาอาจสนุกกับการได้ต่อรอง แต่สำหรับคนที่เขาไม่ชอบไม่เก่งเรื่องนี้เขาคงมีความรู้สึกเหมือนผมหลายคนเช่นกันแหละครับ มาดูที่ภาพของเมืองบ้าง หาดใหญ่ตั้งแต่ในอดีตเป็นเมืองที่เติบโตด้วยตัวเอง โตแบบไม่มีทิศทาง ตัวเมืองกระจุกอยู่แค่หน้าหอนาฬิกา กิมหยง สาย 1-2-3 แค่นั้นแหละ ขยับไปรอบๆ แทบไม่มีอะไรเลย พื้นที่สาธารณะพื้นที่พักผ่อนใกล้เมืองแทบไม่มีเลย เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ก็ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว เทศบาลเมืองใหม่ๆ เกิดมารายล้อมนครหาดใหญ่ คอหงส์ ควนลัง บ้านพรุ คลองแห ผู้นำเมืองเหล่านี้เคยมีการพูดคุยเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองร่วมกันหรือไม่
หาดใหญ่วันนี้จึงเหลือแค่ 21 ตร.กม.เท่านั้นหรือ ทะเลแหลมโพธิ์ ขุนเขาโตนงาช้าง หลังเขาคอหงส์ หรือแม้แต่ตลาดน้ำคลองแหที่โด่งดังมาหลายปี แต่จากในเมืองหาดใหญ่ยังไม่เห็นป้ายบอกทางหรือป้ายสื่อสารให้รู้ว่าตลาดน้ำคลองแหอยู่ที่ไหน เดินทางไปอย่างไรหาแทบไม่ได้เลย ขุนเขาคอหงส์ ที่เคยวาดฝันว่าจะได้นั่งกระเช้าจากภาคพื้นดินด้านล่างไปยังสุดยอดก็ทำได้แค่จากยอดเขาไปยังอีกยอดเขาโดยต้องนั่งรถหรือขับรถไต่เขาขึ้นไปก่อนเพื่อนั่งกระเช้า ระบบขนส่งมวลชนที่ล้มเหลวล้าหลัง ก็เป็นอีกปัจจัยของเมือง น่าเสียดายที่เราสามารถย้ายรถโดยสารไปรวมกันที่ขนส่งได้แล้วแต่ไม่สามารถเพิ่มพื้นที่จอดรถในเมืองได้เลย
หากจะเข้ามาซื้อของที่กิมหยง สันติสุข พลาซ่า ตลาดสด ถ้าใครขับมาถึงเจอที่จอดรถว่างนี่บอกเลยว่าโชคดีพอๆกับถูกเลขท้าย 2ตัวเลย ทางเดินและขอบถนนแม่ค้ายึดหมดแล้ว หน้าบ้านที่เป็นร้านค้าก็จอดไม่ได้ ยังมีวันคี่วันคู่มาทำให้ที่จอดน้อยลงไปอีก จอดรถที่ไหน จอดซ้อนคัน จอดเปิดไฟกระพริบ จอดขาวแดง แถมยังมีรถบัสต่างสัญชาติจอดทับที่อีก ทีรถบัสโดยสารไทยอุตส่าห์จัดระเบียบเปลี่ยนเส้นทางไม่ให้วิ่งเข้าเมือง แต่รถต่างชาติกลับไม่ทำอะไรเลย เราจึงกลายเป็นเมืองที่ไร้ระเบียบ หลายคนเริ่มไม่อยากเข้าเมืองหาดใหญ่ เพราะเบื่อกับสภาพการจราจร ทางเท้าและถนนที่มีเจ้าของแทบทุกพื้นที่
ความไม่เป็นหนึ่งเดียวทั้งของภาครัฐและเอกชนก็เป็นปัญหาสำคัญของเมืองนี้ นายกในอำเภอหาดใหญ่เคยมีเวทีพูดคุยกันไหม เคยกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันบ้างไหมว่าจะทำการพัฒนาแต่ละเมืองแต่ละตำบลอย่างไร คลองแห ควรเป็นเจ้าภาพท่องเที่ยวทางน้ำไหม ควนลัง เมืองเกษตรทำได้ไหม คอหงส์ ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย บ้านพรุ เมืองกีฬาและสันทนาการ น้ำน้อย ทุ่งใหญ่ ท่าข้าม พะตง คลองอู่ตะเภา คูเต่า ฉลุง ทุ่งตำเสา หรือแม้อำเภอติดกันเรามียุทธศาสตร์ที่จะทำการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันได้ไหม แต่ละเมืองเป็นเจ้าภาพในด้านที่ตัวเองถนัดไปเลย โดยมีนครหาดใหญ่ เป็นพี่เลี้ยงหลักร่วมกับทางจังหวัด อบจ.อะไรก็ว่ากันไป
เคยเห็นภาพการโรดโชว์ของนครหาดใหญ่ บอกว่าเมืองนี้มีเขาคอหงส์ กับตลาดกิมหยง โปรโมทแค่นี้จริงๆ วันนี้การท่องเที่ยวเชิงจังหวัดนิยม ควรเกิดขึ้นได้แล้ว เราจะมีวิธีสื่อสารการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลาทั้งระบบได้อย่างไรบ้าง คือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน พัทลุงหลายปีก่อนเขาบอกว่าไม่มาเที่ยวแวะเยี่ยวก็ยังดี แต่วันนี้พัทลุงวันเดียวเที่ยวไม่หมด เขาขุดความเป็นพัทลุงขึ้นมาเป็นจุดขาย ท้องทุ่งนา ป่าโหนด ร่มไผ่ ล่องแก่ง ลงเลสาบ วันนี้พัทลุงกลายเป็นเมืองต้องเที่ยวไปแล้ว และจะยกระดับเป็นเมืองพักไม่ใช่เมืองผ่านอีกต่อไป ทางกลับกันหาดใหญ่กำลังจะเป็นเมืองผ่านเพราะไม่มีอะไรมาเป็นจุดขายใหม่ๆ เลย
หลายปีที่ผ่านมากิจกรรมใหญ่ๆ ที่หาดใหญ่ แทบไม่มีอะไรเลยที่มีอยู่ก็ค่อยๆ หายไป สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ เคยจัดกิจกรรมแบบยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลโคมไฟ เทศกาลการค้าขาย หรือการแสดงจากศิลปินดาราครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ใครจำได้บ้าง ขนาดกระแสออเจ้าอึกทึกครึกโครมไปทั้งประเทศแต่ที่หาดใหญ่ไม่มีเลย เรามีแค่ปีใหม่สงกรานต์ที่กลางเมือง พอจะจัดงานทีนึงก็หน้าลีการ์เด้นส์ สวนหย่อมเซียงตึ๊ง ไปจัดในจุดที่แออัดไม่มีงานอะไรก็คนไม่เคยขาดอยู่แล้ว งานที่เป็นกระแส งานที่บ่งบอกความเป็นหาดใหญ่ไม่มีเลย งานสุดปลายทางที่หาดใหญ่ เคยยิ่งใหญ่มาก หรืองานมหกรรมไก่ทอดต้อนรับช่วงออกบวชของพี่น้องชาวมุสลิมที่มีทั้งไทย มาเลย์ มาเที่ยวบ้านเรามากมายทำไมไม่รวบรวมร้านเหล่านี้ให้เขาบ้าง
บอกตามตรงว่าน่าเสียดายเมื่อเศรษฐกิจเงียบ เมืองหาดใหญ่เราก็เงียบตามไปด้วยไม่มีกิจกรรมดึงดูดหรือกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เลย อยากเห็นงานระดับจังหวัดจัดขึ้นในสวนสาธารณะ ยก 16อำเภอมาไว้ที่นี่ มีการแสดงทางวัฒนธรรม จำหน่ายสินค้าโอทอป ออกร้านแบบย้อนยุคสไตล์ภาคใต้ มีมุมถ่ายภาพใต้ต้นเสม็ดชุน วิถีโหนดนาเล ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวประจำชุมชน 1 ตำบล 1 จุดขายอะไรก็ว่ากันไป ส่วนในเมืองก็ควรอาศัยช่วงเวลานี้แหละในการจัดระเบียบ ขอความร่วมมือแม่ค้าทั้งหลายว่าถ้ายังขายบนถนน ทางเท้ายังเดินไม่ได้ ถ้าไม่จัดระเบียบบ้างใครเขาก็คงไม่อยากมาบ้านเราหรอกครับ
หาดใหญ่ไม่ได้วิกฤตแต่หาดใหญ่ต้องเปลี่ยนแปลง ผู้นำในทุกระดับต้องหันหน้ามาพูดความจริงเพื่อหาแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องกันได้แล้ว หมดยุคเก็กหล่อนั่งแถวหน้าเดินหาไมค์แล้ว
ปล.บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น หากไม่ตรงกับความคิดของใครก็ขออภัยด้วยครับ
ต้อม รัตภูมิ รายงาน