เลี้ยงอุงหรือชันโรงบนบ้าน สร้างรายได้เสริมและยังช่วยผสมเกษรให้สวนผลไม้ได้อีกช่องทาง


8 ส.ค. 2561

เกษตรกรในจ.สงขลาเลี้ยง”อุง”หรือชันโรงบนบ้าน เพื่อเป็นรายได้เสริมและช่วยผสมผสมเกษรให้กับสวนเกษตรแบบผสมผสานและเกษตรอินทรีย์ ลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียวแต่สามารถขยายรังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  และเป็นการพึ่งพิงกันเองของธรรมชาติ

4.JPG

(7 ส.ค.61) นายสมชาย จันทะสระ  เกษตรกรหนุ่มวัย 46 ปี ซึ่งทำการเกษตรแบบผสมผสานและเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ภายในสวนซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านป่ากล้วย หมู่7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ได้ลงทุนเลี้ยงชันโรง หรือผึ้งจิ๋ว หรือที่ชื่อที่ชาวใต้เรียกกันว่า”อุง”จำนวน 50 ลัง และเป็นการเลี้ยงในลังไม้นำมาวางเรียงรายไว้บนบ้าน แตกต่างจากการเลี้ยง”อุง”หรือชันโรงที่พบเห็นทั่วๆไปที่สวนใหญ่จะเลี้ยงไว้ตามร่องสวน 

พี่สมชาย บอกว่า ข้อดีของการเลี้ยงชันโรงไว้บนบ้านคือดูแลง่ายไม่มีแมลงรบกวน และเห็นความเปลี่ยนแปลงของชันโรงได้ตลอดเวลา โดยขณะนี้เลี้ยงไว้จำนวน50 ลังเต็มระเบียงบ้าน ลงทุนซื้อมาลังละ 1,500 บาท และเริ่มที่จะก่อตัวทำรังและให้น้ำผึ้ง ที่ผ่านมาน้ำผึ้งชันโรงจะขายกันที่ขวดขนาด 150 ซีซี ขวดละ 300 บาท 

พี่สมชาย กล่าวว่า การนำชันโรงมาเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมเนื่องจากที่สวนของตนทำเกษตรผสมผสานอินทรีย์ซึ่งไม่ใช้สารเคมี ชันโรงจะช่วยผสมเกสรให้ผลไม้ติดลูกดก เป็นการพึ่งพากันตามธรรมชาติและชันโรงก็สามารถหากินในสวนได้อย่างปลอดภัยเพราะพืชทุกชนิดไร้สารเคมีชันโรงจึงอยู่ได้ 

การเลี้ยงชันโรงหรืออุง จะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 ปี ก็จะมีน้ำผึ้งขายได้ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงเดือนเมษายนหรือเดือน5 ซึ่งจะได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีที่สุด และข้อดีอีกอย่างของการเลี้ยงชันโรงคือ เมื่อจับรีดน้ำผึ้งจากรังแล้ว ก็จะสามารถแยกชันโรงหรือขยายชันโรงได้เพิ่มขึ้นอีก 1 รัง จาก1 เป็น2  จาก2 เป็น4เพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียว และแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรให้ยุ่งยากเพราะชันโรงจะออกหากินเองถึงเวลาก็จะได้น้ำผึ้งสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง 

สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดการเลี้ยงชันโรงหรืออุงหรือจะไปดูของจริง โทรไปสอบถามได้ที่พี่สมชาย หมายเลข 082-2898238 และ 094-5395430

2.JPG3.JPG1.jpg