เจ้าฟ้าจุฬาภรณ พระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิต ม.อ. ปีการศึกษา 2560
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิต ม.อ. ปีการศึกษา 2560
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปีการศึกษา 2560 วันแรก ทรงขอให้บัณฑิตขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำมาใช้เป็นปัจจัยในการปฏิบัติงาน
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2561 เวลา 16.20 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประจำปีการศึกษา 2560 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เป็นวันแรก
ศาสตราจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา นายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กราบทูลรายงานกิจการมหาวิทยาลัย ซึ่งในรอบปีการศึกษา 2560 เป็นปีที่มหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติภารกิจรับใช้สังคมและประเทศชาติ มาเป็นปีที่ 50 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อนวัตกรรมและสังคม ที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยมีการวิจัยเป็นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงสู่สากล มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต่างๆ รวม 349 หลักสูตร โดยในปีการศึกษา 2560 มีผู้สำเร็จการศึกษาและมีสิทธิเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 9,277 คน
ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และ เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี
จากนั้น ได้พระราชทานปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ ศาสตราจารย์พิเศษประสพสุข บุญเดช และ พระราชทานโล่เกียรติยศ แก่ อาจารย์วาสนา บุญแสวง อาจารย์ตัวอย่างด้านการเรียนการสอน
ในวันนี้ มีผู้สำเร็จการศึกษา เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จำนวน 3,031 คน จากบัณฑิตวิทยาลัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ คณะทันตแพทยศาสตร์ วิทยาลัยคอมพิวเตอร์ คณะการบริการการท่องเที่ยว คณะการแพทย์แผนไทย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะวิเทศศึกษา คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ คณะนิติศาสตร์ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
หลังจากนั้น ได้มีพระโอวาทความว่า บัณฑิตทั้งหลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่า เพราะจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมือง ซึ่งนับเป็นงานที่หนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีปัญหาเกิดมากและซับซ้อน ส่งผลกระทบกับทั้งต่อบุคคลและส่วนรวม จึงต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยความขยันซื่อสัตย์และขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำมาใช้เป็นปัจจัยในการปฏิบัติงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ และสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ตนและส่วนรวม