29 ก.ย. วันหัวใจโลก สคร.12 ห่วง แนวโน้มโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้น แนะ แนวทางปฏิบัติตัวเพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง


28 ก.ย. 2561

29 ก.ย. วันหัวใจโลก สคร.12 ห่วง แนวโน้มโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้น แนะ แนวทางปฏิบัติตัวเพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง

01.jpg

สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ได้กำหนดให้วันที่ 29 กันยายนของทุกปี เป็นวันหัวใจโลก เพื่อสื่อสารสร้างกระแสให้ประชากรตื่นตัวต่อโรคหัวใจ โดยเน้นการป้องกัน การคัดกรอง และการดูแลรักษาไปสู่สาธารณชน สำหรับในปี 2561 กระทรวงสาธารสุข และมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดคำขวัญเพื่อการรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2561 คือ “My Heart, Your Heart : ใจเขา ใจเรา”

ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในปีพ.ศ. 2558 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนทั่วโลก โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดประมาณ 17.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 31 ของอัตราการตายทั่วโลก ส่วนประเทศไทยจากรายงานสถิติสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงปี พ.ศ.2555-2559 พบว่าอัตราตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี พ.ศ. 2555 พบอัตราตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ต่อประชากร 100,000 คน เท่ากับ 23.4 และปี พ.ศ. 2559 เท่ากับ 32.3 นอกจากนี้ ข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรม สถานการณ์ปัจจุบันและรูปแบบการบริการด้านโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กรมการแพทย์ ปี พ.ศ. 2557 พบประเทศมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคหัวใจถึง 6,906 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นสาเหตุของการสูญเสียปีสุขภาวะในอับดับต้นๆของประชากรไทยวัยทำงาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้แก่ การมีภาวะความดันโลหิตสูง การมีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วนลงพุง การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การเป็นโรคเบาหวาน การไม่ออกกำลังกาย การไม่กินผักและผลไม้ ความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมสุขภาพดังกล่าวนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และจากข้อมูลการศึกษา Thai Registry in Acute Coronary Syndrome (TRACS) ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยในคนไทยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคหลอดหัวใจ คือ ภาวะไขมันในเลือดสูง ร้อยละ 83.2 ภาวะความดันโลหิตสูงร้อยละ 59.5 เบาหวาน ร้อยละ 50.7 การสูบบุหรี่ ร้อยละ 32.1 และครอบครัวมีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ ร้อยละ 9.3 จะเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม  ดร.นายแพทย์สุวิช กล่าวเพิ่มเติม

­แนวทางการรณรงค์ในปี 2561 ได้แก่ การจัดกิจกรรมรณรงค์การที่ทำสัญญาด้วยหัวใจ ตามแนวปฏิบัติคือที่จะทำอาหารและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น จะออกกำลังกายให้มากขึ้น และส่งเสริมหรือชักชวนให้เด็กๆ หันมาออกกำลังกายมากขึ้น สัญญาที่จะเลิกบุหรี่และช่วยคนที่เรารักหยุดสูบบุหรี่ รวมไปถึงจัดกิจกรรมกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทราบถึงปัจจัยเสี่ยง และอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ และหมั่นตรวจเช็คความเสี่ยงของแต่ละบุคคลอย่างต่อเนื่อง หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการป้องกันหรือการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด สามารถโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

 

ข่าวโดย กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพฤติกรรมสุขภาพ สคร.12 สงขลา