รายงานสถานการณ์ยางพาราและแนวทางการแก้ไขราคาตกต่ำของรัฐบาล


20 พ.ย. 2561

การสนับสนุนให้ปลูกยางพาราในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศนับล้านไร่มาตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาโดยไม่มีการวางแผนการผลิต (Agriculture Production Plan) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดนั้น ได้ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นทั้งผู้ผลิตยางพาราปริมาณมากที่สุดในโลกรวมทั้งเป็นผู้ส่งออกยางพารามากที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันราคายางพาราในประเทศไทยและในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงเป็นระยะๆ ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางส่วนใหญ่ประสบความเดือดร้อนมีรายได้ไม่เพียงพอ จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆ เหมือนเช่นในอดีตที่ราคายางพาราตกต่ำ

สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ทำการศึกษาปัญหาภาวะวิกฤติราคายางพาราและแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำจากข้อมูลและข้อเท็จจริงจากพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลจากองค์การศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ (IRSG) และหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้พบข้อเท็จจริงที่สำคัญสรุปได้ดังนี้

20.jpg

1. ประเทศไทยมีพื้นที่กรีดยางมากที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน เวียดนามและอินเดีย โดยในปี 2560 ประเทศไทยมีพื้นที่กรีดยางได้ จำนวน 20.32 ล้านไร่ ทำให้ประเทศไทยมีผลผลิตยางมากที่สุดในโลกจำนวน 4.5 ล้านตัน เมื่อเทียบกับการผลิตยางธรรมชาติของทั้ง 6 ประเทศรายใหญ่

2. ปัจจุบันราคายางพาราอยู่ในภาวะขาลง โดยราคายางแท่ง ปี 51-60 หดตัวลงเฉลี่ยร้อยละ 4.12 ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปี 51-60 หดตัวลงเฉลี่ยร้อยละ 2.86%

3. ต้นทุนการผลิตยางแผ่นดิบของประเทศไทย ปี 2550 – 2559 มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็นระยะๆโดยไม่มีท่าทีว่าจะลดลงแต่อย่างใดโดยปัจจุบันมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้นถึงร้อยละ 6.94

4. ในขณะที่ประเทศไทยมีต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น แต่เกษตรกรขายยางพาราได้ราคาลดลง ต้นทุนการผลิตยางแผ่นดิบของไทย และราคาที่เกษตรกรขายได้ปี 2550-2559 ต้นทุนเฉลี่ย ปี 50-59 เท่ากับร้อยละ 6.94 ราคาเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ ปี 50-59 เท่ากับติดลบร้อยละ 3.76 ซึ่งในปี 57-59 ต้นทุนการผลิตยางแผ่นดิบสูงกว่าราคาที่เกษตรกรขายได้

5. สถานการณ์ราคายางพาราเปรียบเทียบกับผลผลิตทั้งประเทศ ตั้งแต่ปี 2540 – ปัจจุบัน จะเห็นว่าปี 2557 - 2561 ปริมาณผลผลิตยางเฉลี่ยในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะๆ โดยปัจจุบันมีปริมาณผลผลิตยางมากที่สุดจำนวน 4.50 ล้านตันมากกว่าทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา ในขณะที่ราคายางพาราในตลาดโลกลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับปริมาณยางพาราที่สูงขึ้นนั้น ในช่วงปี 2557 – 2561 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็มีราคาลดต่ำลงทำให้มีการใช้ยางสังเคราะห์มากกว่ายางพารา ขณะเดียวกันได้เกิดความขัดแย้งทางการค้า (Trade War) ระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ จีน และประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกา จึงทำให้การส่งออกยางพาราจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนหรือประเทศลูกค้ารายสำคัญลดลง ส่งผลกระทบต่อราคายางในประเทศไทยลดลงด้วย

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาราคายางพาราในประเทศไทยให้ยั่งยืนและไม่มีผลกระทบต่อระบบการคลังของประเทศก็คือการลดการพึ่งพาการส่งออกเพราะราคายางพาราในต่างประเทศอยู่ในภาวะเวลาลดลงทุกตลาดและราคายางพาราซื้อขายในประเทศก็ยังอิงกับราคาซื้อขายยางพาราล่วงหน้า (future trading) ในต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นพร้อมกับการปรับสมดุลลดปริมาณ (supply) ยางพาราลงด้วย จึงจะทำให้ราคายางพาราในประเทศมีเสถียรภาพ

ในการแก้ไขปัญหายางพาราต่อคณะกรรมการยางพาราและคณะกรรมการนโยบายยางพาราธรรมชาติ ในระยะเร่งด่วนเพื่อทุเลาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาวพารา ดังนี้

1 จัดทำโครงการเร่งด่วนพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรชาวสวนยางเป็นรายครอบครัวเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่างราคายางพาราตกต่ำ

2.การลดปริมาณการผลิตยางพาราโดยส่งเสริมให้มีการปรับเปลี่ยนต้นยางพาราที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปหรือ อายุ 15 ปีที่มีต้นโทรมให้น้ำยางน้อยไม่คุ้มค่าเพื่อไปปลูกพืชอื่นๆรวมทั้งสนับสนุนให้มีการปลูกพืชอื่นแซมในสวนยางโดยอาจพิจารณาให้แรงจูงใจกับเกษตรกรมากกว่าปัจจุบันเพื่อเร่งการตัดสินใจลดปริมาณการผลิตยาง โดยทำควบคู่กับการให้แรงจูงใจกับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไม้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบ หรือลดภาษีสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไม้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบเพื่อเพิ่มอุปสงค์ไม้ยางพาราให้สอดรับกับอุปทานไม้ยางพาราที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

3. เชิญชวนและเปิดรับสมัครเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการฝากน้ำยางไว้กับต้นยางช่วงราคาตกต่ำหรือหยุดกรีดยาง(tapping holiday)เป็นเวลา 1-2 เดือนซึ่งจะทำให้ยางพาราลดลงจากตลาดไปในทันทีจำนวน 5 แสนตันต่อเดือน เพื่อเป็นการกระตุ้น (short price)ราคายางพาราในตลาดเพราะการซื้อขายยางนั้นใช้รูปแบบเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่มีการซื้อขายแบบส่งมอบสินค้าและซื้อขายล่วงหน้ามีสัญญาส่งมอบสินค้าเมื่อครบอายุสัญญาซึ่งวิธีการหยุดกรีดยางนี้ หากสามารถควบคุมการหยุดกรีดได้จริงจะมีผลต่อการราคายางพาราให้สูงขึ้นมาก หากมีเกษตรกรชาวสวนยางทั้งประเทศเห็นด้วยกับมาตราการดังกล่าวและสมัครเข้าร่วมโครงการมากกว่าร้อยละ 80 ของเกษตรกรชาวสวนยางทั้งประเทศ ก็จะได้ให้ กยท.ไปจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพชาวสวนยางระหว่างโครงการเพื่อให้มีรายได้มาชดเชยช่วงหยุดกรีดยางต่อไป

4. ขอความร่วมมือบริษัทหรือภาคเอกชนที่มีธุรกิจแปรรูปหรือโรงงานอุตสาหกรรมผลิตล้อยางส่งขายในต่างประเทศและหรือภายในประเทศเพื่อขอให้เข้าร่วมรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อความปลอดภัยทางถนนในราคาถูกโดยให้ประชาชนได้สิทธิทำใบเสร็จซื้อยางล้อรถยนต์ไปลดภาษีเงินได้บุคคลหรือนิติบุคคลประจำปี ในขณะที่บริษัทเอกชนหรือโรงงานที่เข้าร่วมโครงการผลิตล้อรถยนต์ราคาถูกก็จะได้สิทธิพิเศษทางภาษีเช่นกัน โดยมีเงื่อนไขและหลักฐานว่าได้ซื้อยางพาราจากกลุ่มเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่มี กยท.รับรองโดยตรงด้วยรวมทั้งให้เชิญชวนบริษัทเอกชนทั้งของไทยและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนผลิตหรือรับแปรรูปยางส่งไปขายต่างประเทศโดยมีสิทธิพิเศษทางการลงทุนตามที่หน่วยงานรัฐและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)จะได้กำหนดต่อไป

5. ส่งเสริมและเร่งรัดการใช้ยางพาราในประเทศให้มากขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยส่งเสริมการใช้ยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยางพาราในทุกรูปแบบโดยเริ่มจากหน่วยงานต่างๆของภาครัฐก่อนและขยายไปสู่ตลาดหรืออุตสาหกรรมต่างๆ

 

ที่มา กรมประชาสัมพันธ์