เจ้าของโรงงานน้ำ แจงที่ให้หนุ่มพลเมืองดีช่วยเด็กรอดจากข่มขืนออกจากงานเพราะแอบนำรถไปใช้ส่วนตัว


4 ธ.ค. 2561

คืบหน้ากรณีพลเมืองดีช่วยเด็กหญิงรอดจากการถูกข่มขืนแต่ถูกไล่ออกจากงาน นายจ้างชี้แจงมาจากนำรถไปใช้ส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่ไปเป็นพยานจนเสียการเสียงานส่งน้ำไม่ทันวอนสังคมเข้าใจ ด้านความช่วยเหลือหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศทั้งเสนองานให้ทำและบริจาคเงินรวมทั้ง ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี ได้มอบเงินช่วยเหลือ10,000บาท

74.jpg

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของโรงงานผลิตน้ำที่นายทิพกร ทำงานอยู่ ซึ่งได้ชี้แจงผ่านทางโทรศัพท์เพราะไม่พร้อมจะเผยตัวเพราะขณะนี้กลายเป็นจำเลยสังคม โดยเถ้าแก่ที่เป็นผู้ชายกล่าวว่า สาเหตุที่ให้ นายทิพกร ออกไม่ได้มาจากการไปเป็นพยานในคดีนี้จนทำให้เสียการเสียงานส่งน้ำไม่ทัน ซึ่งตนและภรรยายังชื่นชมนายทิพกร ด้วยซ้ำ 
แต่สาเหตุจริงมาจากเมื่อวันอาทิตย์ซึ่งนายทิพกร ขอรถคันใหม่ไปส่งน้ำให้ลูกค้าที่ค้างอยู่อีก50ถังเพราะส่งให้ไม่ทันในวันเกิดเหตุ โดยอ้างว่าคันเก่าที่ขับส่งน้ำเป็นประจำอ้างว่ากระจกแตกขับไม่ได้ ซึ่งตนก็ให้ไป และก่อนไปส่งน้ำก็ได้เข้าไปให้ปากคำกับตำรวจที่สภ.หาดใหญ่เสร็จประมาณบ่าย2 โมง และไปส่งน้ำต่อซึ่งเวลาที่ใช้ในการส่งน้ำจริงๆราว1ชั่วโมงก็เสร็จ แต่นายทิพกร นำรถกลับมาส่งที่โรงน้ำตอน4 ทุ่ม ภรรยาของตนจึงโมโหมากเพราะในวันนั้นจำเป็นต้องใช้รถไปย้ายหอให้กับลูกสาวและเพื่อนที่อ.เมืองสงขลาในช่วงเย็น จึงทำอะไรไม่ได้เลยเพราะไม่มีรถจึงให้ นายทิพกร ออก 

เถ้าแก่ชายคนนี้บอกว่าจริงๆแล้วได้วางแผนที่จะซื้อรถและเซ้งน้ำให้นายทิพกร มีกิจการส่งน้ำเป็นของตัวเองด้วยซ้ำซึ่งได้คุยกันไว้แล้วเพื่อสร้างตัวเอง และส่วนตัวตนก็ไม่ได้คิดจะไล่ แต่วันนี้ภรรยาโมโหมากที่นำรถไปใช้ส่วนตัวกลับมาล่าช้าซึ่งทราบว่าขับไปบ้านญาติที่จ.พัทลุง จึงกลับมาช้า ถ้าวันนั้นกลับมาถึงเร็วก็ไม่ถูกไล่ออก จึงขอความเห็นใจกับสังคมด้วยเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการที่ นายทิพกร เป็นพลเมืองดีช่วยเหลือเด็กหญิงที่กำลังจะถูกข่มขืนและต้องไปเป็นพยานแต่อย่างใด

75.jpg