กระท่อม-กัญชา พืชสมุนไพรที่ถูกจัดไว้ในบัญชียาเสพติด (คุยกับกำนันสงคราม ผู้สร้างธรรมนูญตำบลปลูกกระท่อม)
ถูกผิดผิดถูก บางครั้งก็ตอบยากว่าอยู่ที่ตรไหน สำหรับการพูดคุยกับหลายคนเขาบอกว่าบ้านเราบางทีถูกผิดอยู่ที่กฎหมายกำหนด สุราซื้อมากินไม่ผิดแต่ถ้าต้มกินเองผิด กระท่อม-กัญชา ก็เช่นกันในบางประเทศว่าไม่ผิดแต่บางประเทศว่าผิด ดังนั้นหากกล่าวว่าอยู่ที่กฎหมายกำหนดก็คงจะได้เช่นกัน
เมื่อวันก่อนมีโอกาสไปร่วมเวทีของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานรินทร์ (ม.อ.หาดใหญ่) ในการประชุมวิชาการ "พืชยา กัญชา กระท่อม : ปรับเปลี่ยนนโยบายและกฎหมายยาเสพติดเพื่อการเข้าถึงยาของประชาชน" โดยมี สนช.อดีตสส. นักวิชาการ และภาคส่วนต่างๆ ร่วมเวทีมากมาย มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เชื่อว่ากัญชา และกระท่อม เป็นพืชที่มีประโยชน์ทางยาและสามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ ส่วนประเด็นด้านสิทธิบัตร ด้านการยกเลิกจากบัญชียาเสพติดยังมีความคิดเห็นที่หลากหลาย
ไม่ขอลงข้อมูลทางวิชาการแต่ขอเขียนบทความในมุมมองของตัวเองผสมผสานกับที่ได้รับฟังมาจากท่านวิทยากรผู้ทรงความรู้ในวันนั้น ส่วนตัวมีความเชื่อว่าพืชกัญชา และกระท่อม คงไม่มีคุณสมบัติร้ายแรงถึงขนาดทำลายสุขภาพผุ้บริโภคให้เสียผู้เสียคน หรือเป็นเหตุอันตรายต่อชีวิตได้ แต่ในทางกลับกันยังมีประโยชน์ทางยาที่สมารถใช้ในทางการแพทย์ได้ โดยเฉพาะพืชกระท่อม แทบไม่มีที่ไหนผิดกฎหมายเลยยกเว้นประเทศไทย
กระท่อม เป็นพืชที่ชาวบ้านคุ้นเคยมานานมากแล้ว ว่งนตัวก็คลุกคลีกับต้นกระท่อมมาตั้งแต่วัยเด็กเลยรู้จักดีพอกับต้นยางพาราเลยก็ว่าได้ ผู้ชายส่วนใหญ่ในหมู่บ้านรวมทั้งพ่อของผมด้วยจะมีอาวุธประจำกายนอกจากชุดใบจากยาเส้นแล้วก็ใบกระท่อมนี่แหละ รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ไม่เคยเห็นใครโดนจับไม่เคยเห็นต้นกระท่อมโดนโค่นจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่สำคัญข้้าราชการหลายคนก็กินกระท่อมเหมือนกับชางบ้านทั่วไปด้วย
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาข่าวเกี่ยวกับใบกระท่อมออกมาเรื่อยๆ จนเป็นข่าวโด่งดังมีการแต่งเป็นเพลงบ้างอะไรบ้าง ใบกระท่อมที่เคยเห็นแต่การเคี้ยวสดถูกแปรสภาพมาเป็นการผสมผสานที่ยิ่งกว่าทดลองวิทยาศาสตร์ น้ำอัดลม ยาแก้ไอ และอะไรอีกหลายอย่างมีข่าวออกมาว่าถูกนำมาต้มผสมใบกระท่อมกลายเป็นยาเสพติดยอดฮิตชนิใหม่อย่างรวดเร็ว ต้นกระ่อทมตามข้างบ้าน ชายคลอง ชายห้วย ที่เคยมีใบเขียวจีให้เลือกเก็บกลายเป็นไม่เหลือแม้กระทั่งยอดให้เก็บกิน
หลังจากนั้นข่าวการจับใบกระท่อมก็มีให้เห็นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน กระท่อมกลายเป็นพืชขาดแคลนจนต้องลักลอบนำเข้าจากมาเลเซีย ซึ่งประเทศเขาปลูกได้ไม่ผิดกฎหมายเลยมีการปลูกส่งขายไทยแทนยางพารากันแล้ว (มั้ง) แต่ในเวทีนี้ผมได้พูดคุยกับกำนันคนดังแห่งสุราษฎร์ธานี (ไม่ใช่ลงกำนัน) แต่เป็นกำนันสงคราม บัวทอง แห่งตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
[video-0]
ที่นี่มีธรรมนูญตำบล เพื่อควบคุมพืชกระท่อมและสร้างชุมชนเข้มแข็งปลอดยาเสพติดพืชกระท่อม ซึ่งที่นี่ทุกบ้านที่มีต้นกระท่อม สามารถเก็บไว้ได้บ้านละไม่เกิน 3 ต้น ห้ามปลูกเพิ่ม ห้ามมีการซื้อขาย ห้ามมีการต้มปรุงรสกระท่อมด้วยส่วนผสมของยาแก้ไอ และยาชนิดอื่นๆ ซึ่งกำนันยืนยันว่ากระท่อมคือพืชสมุนไพรไม่ใช่ยาเสพติด ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างกินกระท่อมมายาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ มีทั้งการกินใบสดและการต้มเพื่อดื่มน้ำเพราะเคี้ยวใบไม่ออก
การบริหารจัดการภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน มีมีการติดคิวอาร์โค้ดที่ต้นกระท่อม ห้ามซื้อขาย ห้ามพกพาใบกระท่อมเกิน 30 ใบออกนอกพื้นที่ รวมถึงการพยายามไม่ให้เยาวชนไปมั่วสุมกับยาเสพติดชนิดอื่น กระท่อม อันตรายน้อยกว่าเหล้า น้อยกว่าบุหรี่ และยาเสพติดชนิดอื่นๆ เราพยายามให้วัยรุ่นไม่ไปมั่วสุมกับยาเสพติดชนิดอื่น และการต้มใบกระท่อมก็ให้เข้าต้มกับบ๋วยแทนยาแก้ไอ
ส่วนตัวคิดว่าใบกระท่อม ไม่ควรอยู่ในบัญชียาเสพติดมาตั้งนานแล้ว แต่ก่อนแม้รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ทุกคนก็กินก็พบพาใบกระท่อมติดตัวเป็นกันทั้งนั้น ส่วนกัญชาการนำมาใช้ทางการแพทย์ควรเปิดกว้างมากกว่านี้ และประชาชนควรมีสิทธิ์ในการปลูกได้ภายใต้การจำกัดการปลูกก่อนก็ได้ เพราะอย่างน้อยมันก็คือสมุนไพรดีๆ ชนิดหนึงเหมือนกัน ใบยาสูบ ใบชา ใบไม้หลายชนิดยังมีการใช้กันได้แล้วทำไมกระท่อมกัญชา จะให้ประชาชนปลูกบ้างไม่ได้
ต้อม รัตภูมิ รายงาน : บทความชิ้นนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น