ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนพฤศจิกายน 2560


6 ธ.ค. 2560

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจ เดือนพฤศจิกายน 2560

ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยเก็บแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนภาคครัวเรือน ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 420 ตัวอย่าง พบว่า เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 55.10 เพศชาย ร้อยละ 44.90 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 31.50 และมีระดับการศึกษาปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 33.50

02.jpg

ผศ.ดร.วิวัฒน์  จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ เดือนพฤศจิกายน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม ส่วนหนึ่งมาจากสภาวะฝนตกหนักทั่วทั้งภาคใต้ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัด ทำให้การใช้จ่าย รายได้จากการท่องเที่ยวและภาคเกษตรลดลงด้วย

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงานโอกาสในการหางานทำ/ได้งานใหม่ รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว เนื่องมาจากสภาวะฝนตกหนักทั่วทั้งภาคใต้ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขังในหลายจังหวัด ทำให้รายได้จากภาคเกษตรลดลง รวมทั้งราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ก็มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอีกด้วย ประชาชนจึงกังวลและระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยต่าง ๆ มากขึ้น อีกทั้งสภาวะฝนตกทั่วทั้งภาคใต้ดังกล่าว ยังส่งผลให้การท่องเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามันปรับตัวลดลงเล็กน้อยอีกด้วย

ขณะที่ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 30.10 และ 31.20 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 38.60 และ 48.40 ตามลำดับ โดยคาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่ภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากรายจ่ายด้านการท่องเที่ยวและเดินทางในช่วงวันหยุดปีใหม่ซึ่งติดต่อกันหลายวันเป็นสำคัญ

ปัจจัยที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด คือ ค่าครองชีพ คิดเป็นร้อยละ 34.50 รองลงมา คือ ราคาสินค้า และหนี้สินครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 30.10 และ 10.70 ตามลำดับ ขณะที่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนส่วนใหญ่มองว่ารัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก คือ ราคาสินค้า รองลงมา คือ ค่าครองชีพ และหนี้สินครัวเรือน ตามลำดับ