เรื่องเงินทองต้องวางแผน ทำยังไงให้ดอกเบี้ยบ้านไม่บานปลาย
เรื่องเงินทองต้องวางแผน ทำยังไงให้ดอกเบี้ยบ้านไม่บานปลาย

การซื้อบ้านสักหลัง ไม่ใช่ว่ามีเงินอย่างเดียวแล้วจะผ่อนได้สบายๆ เพราะการกู้ซื้อบ้านย่อมมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ดอกเบี้ยบ้าน’ ตามมาภายหลัง หากไม่วางแผนเรื่องการเงินให้ดี ดอกเบี้ยบ้านอาจบานปลายในภายหลัง ในบางกรณีคุณอาจต้องจ่ายเงินค่าบ้านอีกเป็นเท่าตัว เหนื่อยกับการผ่อนระยะยาวไม่พอ ยังเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุ ทางออกคือศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนว่ามีวิธีใดบ้างที่จะช่วยให้คุณจัดการกับเงินทองได้ง่ายขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวคุณเอง ซึ่งวันนี้เราจะมีแนะนำ 3 วิธี ยอดนิยมที่คนมักใช้ในการจัดการกับปัญหาดอกเบี้ยบ้านไม่ให้บานปลายกัน
การรีไฟแนนซ์บ้าน
หลังจากผ่อนบ้านหรือคอนโดฯ ครบ 3 ปีแล้วอัตราดอกเบี้ยบ้านจะขยับลอยตัวขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพราะในช่วง 2-3 ปีแรก คุณจะได้รับโปรโมชั่นดอกเบี้ยคงที่จากธนาคาร หลังหมดโปรโมชั่นจึงส่งผลให้จากที่เคยผ่อนถูกๆ และราคาคงที่ กลายเป็นจ่ายดอกเบี้ยบ้านสูงขึ้น ทั้งที่เงินต้นลดลงทีละน้อย การรีไฟแนนซ์บ้านสามารถแก้ปัญหาส่วนนี้ให้คุณได้ เพราะการรีไฟแนนซ์คือการกู้ยืมสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคารใหม่ มาโปะหนี้ธนาคารเดิม หรือจะลองยื่นขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลงซึ่งนั่นคือการรีเทนชั่น (Retention) ที่จะนำเสนอให้หัวข้อถัดไป
ทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารเดิมมาโปะใหม่ก็ได้ เรียกง่ายๆ คือ “ทำเรื่องกู้ใหม่อีกรอบ” ( เปรียบเทียบเป็นการยื่นขอลดดอกเบี้ยบ้าน ความหมายจะตรงตัวกว่า) เพื่อให้ได้ค่างวดและดอกเบี้ยบ้านที่ถูกลงซึ่งนั่นคือการรีเทนชั่น (Retention) ที่จะนำเสนอให้หัวข้อถัดไป
การรีเทนชั่น
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนอยากลดดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งรีเทนชั่นจะค่อนข้างคล้ายกับรีไฟแนนซ์ แต่สะดวกรวดเร็วกว่า ผู้กู้เตรียมเอกสารยื่นคำร้องน้อยกว่า ง่ายกว่า ก็สามารถยื่นกู้ได้แล้ว เช่นสัญญาเงินกู้, ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน ใช้ระยะเวลาในการพิจารณาน้อยกว่า เพราะธนาคารมีประวัติลูกค้าประวัติการผ่อนชำระครบแล้ว การพิจารณาจึงใช้เวลาไม่นาน อีกทั้งแทบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ธนาคารบางแห่งอาจคิดเพียงค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1% ของวงเงินกู้เท่านั้น แต่การทำรีเทนชั่น ผู้กู้อาจไม่ได้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยบ้านมากนัก เพราะส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ราว 0.25-0.50 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้ ต่างจากการรีไฟแนนซ์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการหนีจากอัตราดอกเบี้ยบ้านแบบ MLR ไปใช้โปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยคงที่ แต่การทำรีเทนชั่นบางธนาคารอาจกำหนดวงเงินกู้คงเหลือไม่ต่ำกว่า 5 แสนถึง 1 ล้านบาท ในขณะที่การรีไฟแนนซ์ส่วนใหญ่ผู้กู้สามารถคำนวณเปรียบเทียบได้เองว่าวงเงินกู้ที่เหลือกับการรีไฟแนนซ์จะคุ้มกันหรือไม่
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์คือ ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ทั้งหมดเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2.3% และอาจสูงได้ถึง 4.3% ของวงเงินที่รีไฟแนนซ์ในบางกรณี เราสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมในการจำนอง (1%) ได้ถ้ารีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ต้องศึกษาเปรียบเทียบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์และอัตราดอกเบี้ยบ้านจากหลายๆ ธนาคารให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกธนาคารที่จะทำการรีไฟแนนซ์ด้วย
การจ่ายโปะเงินก้อน
รู้หรือไม่ว่าส่วนมากเงินที่เราผ่อนจ่ายในแต่ละเดือนจะถูกหักไปกับดอกเบี้ยบ้าน มากกว่าเงินต้นเสียอีก!
หากคุณมีเงินก้อน อย่ารีรอที่จะนำเงินก้อนนั้นไปโปะเงินกู้บ้าน เพื่อลดต้นลดดอกเบี้ยบ้านของคุณให้น้อยลง ซึ่งการโปะมีทั้งแบบโปะทุกเดือน หรือโปะเพียงปีละครั้งก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของเรา โดยปกติแล้วระบบการจ่ายเงินกู้ของธนาคารจะมีการตั้งค่าเอาไว้เป็นแต่ละงวดเท่าๆ กัน แต่จริงๆ แล้วเราสามารถจ่ายยอดมากกว่าที่ธนาคารกำหนดได้ เพียงแต่ต้องกำชับให้ชัดเจนว่า นำเงินก้อนมาจ่ายเพื่อต้องการตัดเงินต้นด้วยยอดจำนวนเท่าไหร่
ตัวอย่างการจ่ายโปะแบบปีละครั้ง
เช่น บ้านราคา 3,000,000 ส่งเดือนละ 18,000 บาท สัญญากู้ยืม 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยราว 6 เปอร์เซ็นต์
สมมติว่าเริ่มส่งตั้งแต่เดือนมกรา พอถึงเดือนธันวาคม คุณส่งเพิ่มเป็น 36,000 บาท ในกรณีนี้บ้านของคุณจะผ่อนชำระหมดในระยะเวลา 23 ปี กับอีก 10 เดือน เร็วขึ้นร่วม 7 ปี ลดดอกเบี้ยบ้านลงกว่า 8 แสนบาท
เชื่อว่าหากคุณเลือกวิธีที่ใช่ วางแผนให้รอบคอบ ศึกษาโดยละเอียดถี่ถ้วน การผ่อนบ้านก็ไม่ใช่เรื่องเหนื่อยหรือยากจนเกินไป ดอกเบี้ยบ้านไม่บานปลาย ได้เป็นเจ้าของบ้านไวกว่าเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ต้องระวังให้ยังคงสภาพคล่องในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย จัดสรรเงินให้เป็น อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงเงินออมฉุกเฉินอีกด้วย ให้คุณจำไว้เสมอว่าะเรื่องเงินทอง ไม่สามารถจัดการแค่ด้านเดียวได้

