สูตรบริหารเงิน เคล็ดไม่ลับ ที่อยากบอกต่อ (บทความการเงิน)
สูตรบริหารเงิน เคล็ดไม่ลับ ที่อยากบอกต่อ โดย หทัยชนก อนันต์ทวีวัฒน์ ธันวาคม 2562
“ที่สุดของความน่าเสียดาย คือ ตายไปแต่ใช้เงินไม่หมด แต่ที่สุดของความน่าสลด คือ ใช้เงินหมดแต่เรายังไม่ตาย” เป็นคำพูดที่ชวนกระตุกความคิดได้ดีทีเดียวเพื่อให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท การวางแผนการเงินก็เช่นกันถ้าเราเริ่มต้นได้เร็ว เริ่มคิด เริ่มทำ จะทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยขยันหาเงินตอนแก่ ผู้เขียนเคยไปสอนให้น้องๆ รู้จักจัดสรรเงินไว้เพื่ออนาคต หนึ่งในนั้นที่ต้องกล่าวถึง คือ การวางแผนเพื่อเกษียณ พอน้องๆ ได้ยินคำว่าเกษียณก็พลันทำให้รู้สึกว่าอีกตั้งนาน จะรีบทำไม เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว ค่อยเริ่มก็คงไม่สาย แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราได้ทดลองทำแผนการเงินเพื่อเกษียณตั้งแต่การเริ่มต้นทำงานในปีแรกๆ เลย เพราะแผนการเกษียณอย่างมีความสุขจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากการวางแผนที่ดี ดังนั้น หากเริ่มต้นได้เร็วมากเท่าไร โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องเจอปัญหาการดำรงชีวิตในวัยเกษียณ ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่
(1) คนไทยมีทักษะการเงินค่อนข้างต่ำ ขาดการวางแผน ไม่เข้าใจแม้ผลิตภัณฑ์การเงินอย่างง่าย และไม่สามารถประเมินความเสี่ยงทางการเงินได้ดีพอ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วมีการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้เป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
(2) คนไทยเป็นหนี้มาก เป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน เพราะนิสัยการใช้จ่ายเกินตัวโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เช่น การมีบัตรเครดิตใบแรก ก็สามารถผ่อน 0% รวมถึงค่านิยมที่เน้นการบริโภคโดยไม่คิดอนาคตการเงินในระยะยาว
(3) รู้ช้าจึงเตรียมตัวไม่ทัน เพราะการเกษียณเป็นเรื่องที่หลายคนมักจะมองข้าม ทำให้เริ่มต้นวางแผนหรือเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตเกษียณช้าเกินไปและเมื่อมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น ทำให้ท้ายสุดก็เตรียมเงินไว้ไม่เพียงพอสำหรับใช้จ่าย
(4) ขาดการลงทุนที่เหมาะสม บางคนคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องเสี่ยง แต่ในความเป็นจริงความเสี่ยงในการลงทุนเป็นเรื่องที่บริหารจัดการได้ ถ้าเรารู้จักศึกษาหาข้อมูลอย่างเพียงพอจะทำให้เราลงทุนบนพื้นฐานความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ และการลงทุนที่มีระยะยาวนานเพียงพอก็ทำให้เราก้าวข้ามความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนในระยะสั้นได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เริ่มเร็วไม่พอต้องอดทนรอด้วย
เมื่อเห็นประเด็นที่เป็นสาเหตุของปัญหาการใช้ชีวิตวัยเกษียณแล้ว เรื่องการวางแผนการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการวางแผนและบริหารเงินออมเพื่อการเกษียณอายุให้พอเพียงกับการดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข จึงควรเริ่มต้นด้วย 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. เราอยากเกษียณอายุเมื่อไหร่ คำถามนี้ต้องมีไว้ในใจ เช่น 60 ปี หรือ 55 ปี บางคนอาจต้องการ Early retire ที่อายุ 45 ปี การกำหนดอายุที่ต้องการเกษียณจะทำให้เรารู้ว่ามีเวลาเตรียมตัวอีกนานแค่ไหน
2. คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณไปแล้วกี่ปี คนไม่น้อยคิดว่าการคิดแบบนี้เหมือนเป็นการแช่งตัวเอง ยังหนุ่มยังสาวจะรีบคิดเผื่อเรื่องเกษียณไปทำไม การคิดถึงความไม่แน่นอนในชีวิตเป็นการคิดลบมองโลกในแง่ร้ายและทำให้จิตตก อย่างไรก็ตาม เราควรต้องรู้ว่าจะต้องใช้เงินหลังเกษียณไปอีกกี่ปี โดยประเมินจากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีชีวิตถึงอายุประมาณเท่าไร
3. ประมาณการค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ โดยดูว่าเรามีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใด คาดว่ามีค่าใช้จ่าย จำเป็นจริงๆ เดือนละกี่บาท แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงเงินเฟ้อด้วย จากนั้นลองคำนวณตามช่วงอายุโดยใช้สูตรนี้
ค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเกษียณ = ค่าใช้จ่าย 70% ของเงินเดือนปัจจุบัน x 12 เดือน
4. ประมาณการรายได้หลังเกษียณ เช่น เงินบำนาญ เงินรับจากกองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) รายได้จากการลงทุน การประกันชีวิต เงินต่างๆ เหล่านี้คาดว่าพอใช้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังเกษียณเราจะมีเงินออมหรือเงินลงทุนบางส่วนที่สะสมไว้ตั้งแต่ตอนทำงานและสามารถนำมาใช้ตอนเกษียณได้ เช่น การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือแบบบำนาญ เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม รวมถึงรายได้จากเงินลงทุนผ่านช่องทางต่างๆ แต่โดยทั่วไปเงินออมเหล่านี้มักไม่มากพอที่จะทำให้เราอยู่อย่างสุขสบาย จำไว้ว่า ‘อยู่ได้’ กับ ‘อยู่สบาย’ นั้นต่างกัน
5. วางแผนการออมในปัจจุบัน จากการประมาณการค่าใช้จ่ายหลังเกษียณก็จะทำให้รู้ว่าเราควรเก็บเงินเท่าไรให้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย มาถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่าแล้วต้องมีเงินเท่าไรจึงจะพอใช้ได้อย่างสบายๆ ไปตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับปัจจัยและความต้องการของแต่ละคน จึงมักมีคำถามบ่อยๆ ว่าถ้าอยากวางแผนจริงจัง ต้องเริ่มต้นยังไงดี...ให้ใช้สูตรนี้
จำนวนเงินที่ควรจะมี = ค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเกษียณ x จำนวนปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ
ยกตัวอย่างเช่น พอดีตั้งเป้าหมายจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอายุไปอีก 20 ปี ถ้าพอดีมีค่าใช้จ่ายปัจจุบันประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณของพอดีจะเท่ากับ 21,000 บาทต่อเดือน (70% x 30,000) หรือ ราว ๆ 252,000 บาทต่อปี จากนั้นก็นำไปคูณกับปีที่คาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณ 20 ปี นั่นก็หมายความว่าพอดีควรมีเงินประมาณ 5,040,000 บาท ตอนอายุ 60 ปี (252,000 x 20) มาถึงตรงนี้เราได้คำตอบแล้วว่า การวางแผนการเงินให้เริ่มต้นที่จุดจบ (ของชีวิต) แล้วจะทำอย่างไรให้มีเงินใช้เพียงพอในอนาคต ? เรามาดูกันค่ะ
วิธีการวางแผนให้เงินทำงานและงอกเงยทันเวลา คือ
(1) ออมทันทีอย่างน้อย 10-25% ของรายได้ โดยคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็สามารถคิดแบ่งเป็นสัดส่วนการออมและการลงทุนผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เมื่อนับรวมแล้วอย่างน้อยก็ควรอยู่ที่ประมาณ 25%
(2) จัดสัดส่วนการลงทุนหุ้นให้เหมาะสม ด้วยการลงทุนในตราสารทุน หรือ หุ้น เพราะช่วยสร้างผลตอบแทนให้พอร์ตค่อนข้างดี โดยกูรูการเงินแนะนำว่าหลักการลงทุนในหุ้นทั่วไป คือ การนำ 100 ลบด้วยอายุปัจจุบัน เท่ากับ สัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่เราควรมี
(3) รู้จักกระจายการลงทุน ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อช่วยลดการแกว่งตัวของผลตอบแทน
(4) ใช้วิธีการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (Dollars Cost Average : DCA) เพราะวิธีนี้จะช่วยตัดปัญหาว่าจะลงทุนเมื่อไรวันที่เรามีรายได้เข้ามา หรือเงินเดือนออกก็ควรนำเงินมาลงทุนเป็นประจำทุกเดือน
ดังนั้น เราควรเริ่มวางแผนการเงินเพื่อเกษียณโดยจะให้ดีที่สุดต้องเริ่มคิดและทำตั้งแต่เริ่มทำงาน เพื่อที่จะได้ช่วงระยะมากพอให้เงินงอกเงย ตามแนวคิดที่ว่า “ออมก่อนรวยกว่า” แต่ผู้เขียนขอเสริมทัพให้อีกสัดนิดว่า ออมก่อนอาจจะยังไม่พอต้องอดทนรอได้ด้วย เพื่อให้ดอกเบี้ยทบต้นหรือเงินได้มีเวลาทำงาน” จนเกิดความมั่งคั่งและกลายเป็นความมั่นคงให้กับตัวเราเอง เพียงแค่นี้ก็สามารถที่จะไปสู่เป้าหมาย ‘อยู่สบาย’ ได้แล้ว
ที่มา : www.moneyandbanking.co.th