รับเทศกาลสงกรานต์ สคร. 12 สงขลา ชวน ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เพิ่มความปลอดภัย


16 ก.พ. 2566

เตรียมรับเทศกาลสงกรานต์ สคร. 12 สงขลา เชิญชวน ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เพิ่มความปลอดภัย ลดป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19

ลูกหลานกลับบ้านเยี่ยมครอบครัว รวมตัวเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนปกป้องกลุ่มอายุ 60 ปี ขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ดังต่อไปนี้ 1.กลุ่มโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.โรคไตเรื้อรังขั้นที่ 3 ขึ้นไป 4.โรคหลอดเลือดสมอง 5.โรคมะเร็งที่ให้เคมีบำบัด/รังสีบำบัด 6.โรคเบาหวาน และ 7.โรคอ้วนที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ด้วยการพาไปฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดอาการป่วยหนักและการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19

LAAB (Long Acting Antibody) คือ ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่ออกฤทธิ์ยาว สามารถเสริมภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ทันทีภายหลังฉีด ทำให้เชื้อไวรัสไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งต่างจากวัคซีนที่ต้องกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง โดย LAAB ใช้สำหรับฉีดเพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 40 กิโลกรัม จากข้อมูลล่าสุดของประเทศไทยพบว่า สายพันธุ์ที่มีการระบาดขณะนี้เป็นสายพันธุ์ BA.2.75 ประมาณร้อยละ 86 (ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างวันที่ 14 - 20 มกราคม 2566) โดยมีข้อมูลในหลอดทดลองว่า LAAB สามารถลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.2.75 (Neutralizing activity) ได้ผลดี ในเวลานี้กระทรวงสาธารณสุขจึงรณรงค์ให้มีการฉีด LAAB กับกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง เพื่อเกิดประโยชน์มากที่สุดกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เน้นย้ำ เทศกาลสงกรานต์ใกล้จะถึงนี้ พาบุคคลที่คุณรัก กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังไปฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่ออกฤทธิ์ยาว หรือ LAAB โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด 19 หรือได้รับวัคซีนโควิด 19 เข็มสุดท้ายนานกว่า 3 เดือน สามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่งทั่วประเทศ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422