พระบารมีปกเกล้า คลองภูมินาถดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานชื่อคลอง ร.1


12 ต.ค. 2561

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดอีกครั้งหนึ่งสำหรับพสกนิกรชาวจังหวัดสงขลา นอกเหนือจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้มีการขุดคลอง ร.1 และคลองสาขาตามโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองหาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระองค์ยังทรงพระราชทานชื่อคลองแห่งนี้ว่า "คลองภูมินาถดำริ" มีความหมายคือ คลองระบายน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริขุดขึ้น 

13.jpg

หากพูดถึงหาดใหญ่ในความทรงจำของหลายๆ คนเชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนได้ โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2531 และ 2543 เรียกว่าเป็นมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ หลายปีที่ผ่านมาเมืองหาดใหญ่ก็ยังคงเผชิญกับฝนตกหนักมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ที่หาดใหญ่ไม่ต้องเผชิญกับมหาอุทกภัยเหมือนที่ผ่านมาด้วยเพราะบารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทาน "โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองหาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ"

เมื่อปี 2531 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชดำรัส เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายนมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดอุทกภัย สร้างความเสียหายแก่พื้นที่เพาะปลูก บ้านเรือน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 4,000 ล้านบาท ดังนี้

“การแก้ไขและบรรเทาอุทกภัยด้วยวิธีการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่คลองอู่ตะเภาหรือตามลำน้ำสาขา เพื่อสกัดกั้นน้ำจำนวนมากไม่ให้ไหลมายังเมืองหาดใหญ่นั้น คงไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีทำเลที่เหมาะสมในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวได้เลย 

ดังนั้น การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภา หรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว 

นอกจากนั้น หากต้องการที่จะป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่ธุรกิจให้ได้ผลโดยสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ก่อสร้างคลองระบายน้ำเสร็จ ก็ควรพิจารณาสร้างคันกั้นน้ำรอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับติดตั้งระบบสูบน้ำออกจากพื้นที่ไม่ให้ท่วมขังตามความจำเป็น ทั้งนี้ ให้พิจารณาร่วมกับระบบของผังเมือง ให้มีความสอดคล้องและได้รับประโยชน์ร่วมกันด้วย”  

[video-0]

จากพระราชดำรัสดังกล่าวจึงเป็นที่มาของโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระราชทาน เมื่อวันที่  24  ธันวาคม พ.ศ.2531 กรมชลประทานจึงได้สนองพระราชดำริ โดยการขุดลอกคลองธรรมชาติในปีพ.ศ.2532 จำนวน 4 สายเพื่อให้สามารถระบายน้ำเร็วขึ้น

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2543 ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันอีกครั้ง ทำให้คลองระบายน้ำธรรมชาติที่ขุดลอกไว้ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้จึงทำให้เกิดอุทกภัยบริเวณเทศบาลนครหาดใหญ่ และบริเวณใกล้เคียง สร้างความเสียหายประมาณ 18,000 ล้านบาท ประชาชนเสียชีวิต 30 คน นับเป็นมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดของจังหวัดสงขลา

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงห่วงใยพสกนิกรผู้ประสบภัยจึงได้เน้นย้ำถึงพระราชดำรัสเมื่อปี 2531 แก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่  19  ธันวาคม พ.ศ.2543 ให้ดำเนินการโครงการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย ในส่วนของโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดำเนินการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มจำนวน 7 สายดังนี้

16.jpg

1. ขุดคลองระบายน้ำ ร.1 เป็นคลองระบายน้ำสายหลักในการผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาบริเวณบ้านหน้าควนลังอ้อมเมืองหาดใหญ่สู่ทะเลสาบสงขลาโดยตรง ความยาว 21.343  กม. สามารถระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที

2. ขุดคลองระบายน้ำ ร.3 เป็นคลองแบ่งน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำจากคลองอู่ตะเภาตอนนอกเมืองหาดใหญ่ซึ่งช่วยบรรเทาอุทกภัยให้กับพื้นที่ริมฝั่งคลองอู่ตะเภาตอนล่าง ความยาว 8.200 กม.สามารถระบายน้ำได้  195  ลบ.ม./วินาที

3. ขุดคลองระบายน้ำ ร.4  เป็นคลองแบ่งน้ำจากคลองเตยตามเขตทางรถไฟ สายหาดใหญ่-สงขลา  และรับน้ำจากคลองระบายน้ำ ร.5  สู่ทะเลสาบสงขลา ผ่านทางคลองระบายน้ำ ร.3  ความยาว  6.920 กม. สามารถระบายน้ำได้  55 ลบ.ม./วินาที

4. ขุดคลองระบายน้ำ  ร.5 พร้อมอาคารประกอบ เป็นคลองระบายน้ำจากบริเวณสามแยกคอหงส์ออกทะเลสาบสงขลา  ผ่านคลองระบายน้ำ  ร.4  และ  ร.3 ตามลำดับ  ความยาว  2.660 กม.  สามารถระบายน้ำได้  30 ลบ.ม. /วินาที

5. ขุดคลองระบายน้ำ ร.6 เป็นคลองผันน้ำจากคลองเรียนและแก้มลิงของเทศบาลนครหาดใหญ่ไปลงคลองหวะ เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาผ่านคลองระบายน้ำ ร.1ช่วยบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ตอนล่างของคลองเรียน ความยาว  3.160  กม. สามารถระบายน้ำได้  50  ลบ.ม./วินาที 

หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมไม่มีคลองระบายน้ำ ร.2 สำหรับคลอง ร.2 เป็นการขุดลอกคลองและระบบระบายน้ำในเขตเมืองหาดใหญ่ทั้งหมดจึงไม่มีคลองสายใหม่เกิดขึ้นเหมือนกับคลองสายอื่นๆ

สำหรับคลองระบายน้ำที่ 1 หรือคลอง ร.1 เป็นคลองสายหลักที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองหาดใหญ่ เนื่องจากเป็นคลองที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาช่วงก่อนเข้าเมืองหาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นทางด่วนของน้ำที่มาจากต้นคลองอู่ตะเภาในพื้นที่อำเภอสะเดา หาดใหญ่ตอนบน นาหม่อม และน้ำจากเขาคอหงส์บางส่วนให้ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาอย่างรวดเร็วแทนการไหลผ่านคลองอู่ตะเภาเพียงอย่างเดียวเหมือนเช่นในอดีต

ในขณะนี้กรมชลประทาน ยังได้มีโครงการโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ในการขยายคลอง ร.1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจากเดิม 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ให้ระบายน้ำได้ไม่น้อยกว่า 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดระดับความเสียหายจากอุทกภัยช่วงฤดูฝนในพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้ง 

16357192_715386601956526_1250320877_o.jpg

และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันสูงสุดอีกครั้ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระราชทานชื่อคลองระบายน้ำที่ 1 ตามที่ทางกรมชลประทาน ได้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานชื่อคลองเพื่อเป็นสิริมงคลแก่โครงการที่จะอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยสืบไป

โดยสำนักราชเลขาธิการ ได้มีหนังสือตอบกลับมายังอธิบดีกรมชลประทาน ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2559 ใจความสำคัญว่า "ตามที่ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อคลองระบายน้ำสายที่ 1 โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองหาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริว่า "คลองภูมินาถดำริ" มีความหมายคือ คลองระบายน้ำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริขุดขึ้น" 

14.jpg

15.jpg

17.jpg

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ