คุยกับ อ.สัณห์ชัย กลิ่นพิกุล ผู้ถวายงานการพัฒนาปาล์มน้ำมันแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พระมหากษัตริย์นักพัฒนาที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างคุณประโยชน์พสกนิกรชาวไทยมากมาย หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาเกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน และบุคคลที่ถวายงานใกล้ชิดในการพัฒนาน้ำมันปาล์ม นั่นคือ รศ.ดร.สัณห์ชัย กลิ่นพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ทีมงานเว็บไซต์กิมหยง มีโอกาสพูดอย่างเป็นกันเองและได้รับฟังการบอกเล่าถึงการถวายงานรับใช้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมระยะเวลามากกว่า ๔๐ ปี ย้อนกลับไปเมื่อปี ๒๕๑๖ เด็กหนุ่มจากอัมพวา สมุทรสงคราม ได้มาเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และในปี ๒๕๑๘ ได้ไปดูงานที่สวนสาธิตการปลูกปาล์มน้ำมันที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อ.ควนกาหลง จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่แรกๆ ของประเทศที่มีการทดลองปลูกปาล์มน้ำมันมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๑
เมื่อทางสวนสาธิตฯ ทราบว่าเป็นอาจารย์ด้านวิศวะฯ จึงได้ขอให้ช่วยติดตั้งเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม ที่มีการนำเข้ามาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้รับมอบหมายหน้าที่ในการดูแลสาธิตการใช้เครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงเสด็จฯ เยี่ยมชมสวนดังกล่าวเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๑๘
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน ว่าคือพืชที่ให้น้ำมันสูงที่สุดในโลกและเป็นพืชที่สามารถพัฒนาเป็นพลังงานทดแทนได้ในอนาคต และนั่นเป็นครั้งแรกที่ อ.สัญชัย ได้เข้าเฝ้าในหลวงอย่างใกล้ชิดและในหลวงทรงตรัสถามว่ามาจากไหน เมื่อทราบว่ามาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พระองค์ทรงรับสั่งถามต่อว่า "เครื่องสกัดน้ำมันปาล์มเราสามารถผลิตเองได้ไหม" หลังจากตอบว่าได้พระองค์ท่านทรงรับสั่งทันทีพร้อมตรัสเพิ่มเติมว่า "เราจะติดตามการบ้านจากท่านน่ะ"
และในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินติดตามผลงานที่คณะวิจัยดำเนินการทำไว้ พระองค์ทรงให้ความสนพระทัยเกี่ยวกับน้ำมันปาล์มอย่างมาก ทรงสอบถามทุกเรื่องราวอย่างละเอียดยิบ บางคำถามเป็นสิ่งที่นักวิจัยไม่ทันได้คิดเสียด้วยซ้ำและพระองค์ทรงจดจำทุกรายละเอียดที่เคยตรัสถามเมื่อครั้งก่อน ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล พระองค์ทรงตระหนักว่าปาล์มสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจหลักชนิดหนึ่งของประเทศได้
หลังจากมีการเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ซึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดสร้างขึ้น ในปี พ.ศ.๒๕๒๖ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตรัสรับสั่งให้ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนาเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กขึ้นเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ในหลายพื้นที่หลังจากประชาชนนิยมการปลูกน้ำมันปาล์มเพิ่มมากขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. ซึ่งจัดตั้งขึ้นในสมัย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี
[video-0]
วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโรงงานสาธิตสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มที่พัฒนาขึ้นไปทดสอบจริงกับเกษตรกรรายย่อย และรับสั่งให้จัดทำคู่มือชาวสวนปาล์มน้ำมันเพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกรรายย่อยด้วย หลังจากนั้นจึงได้มีการติดตั้งเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เครื่องแรกที่สหกรณ์อ่าวลึก จำกัด จังหวัดกระบี่
๘ ตุลาคม ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชกระแสรับสั่งให้มีการสร้างเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็ก ขึ้นมาใช้ในพื้นที่ภายในศูนย์พัฒนากุกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำมาใช้กับปาล์มทดลองปลูกในพื้นที่จำนวน ๘ ไร่ พร้อมกันนี้ทางคณะผู้วิจัยได้นำน้ำมันปาล์มดิบที่สกัดได้มาผลิตเป็นนำมันปาล์มบริสุทธิ์และเนยเทียม ไขสบู่มาผลิตเป็นสบู่ซักล้้าง กากปาล์มทำเป็นอาหารสัตว์ แกนใส้กับขั้วใบผลิตเป็นปุ๋ยหมัก ทำให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันทุกส่วนสามารถนำมาใช้ประโยนชน์ได้หมด
สิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดสำหรับ อ.สัณห์ชัย นั่นคือการได้่เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างใกล้ชิดในทุกครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินติดตามงานเกี่ยวกับการแปรรูปปาล์มน้ำมัน ได้เรียนรู้การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ให้ความสำคัญกับการติดตามงานอย่างมาก ทรงจดจำทุกรายละเอียดที่ได้ตรัสถามเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ แม้บนโต๊ะเสวยพระกระยาหารพระองค์ยังทรงติดตามและชี้แนะแนวทางการทำงานอย่างไม่ว่างเว้นด้วย ซึ่งในโลกนี้เชื่อว่าไม่มีใครทำได้เหมือนพระองค์ท่าน
นอกเหนือจากการร่วมพัฒนาการสกัดปาล์มน้ำมันแล้ว อ.สัณห์ชัย ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาพืชน้ำมันชนิดอื่นๆ ของโครงการอันเนื่องมจากพระราชดำริอีกหลายชนิดด้วย และอีกหนึ่งความภาคภูมิใจนั่นคือการได้ร่วมพัฒนาโครงการผลิตไบโอดีเซล เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกในช่วงที่น้ำมันมีราคาสูง และยังได้ถวายงานแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงสานต่องาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริเกี่ยวกับพืชน้ำมันและพลังงานทดแทนจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้เริ่มการสร้างโรงงานไบโอดีเซลขึ้นในปี ๒๕๔๓
ปัจจุบันโครงการผลิตไบโอดีเซล จากน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชใช้แล้วมีโรงงานอยู่ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และภายในศูนย์พัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ น้ำมันที่ผลิตได้เป็นน้ำมันสกัด ๑๐๐% และมีการจำหน่ายลิตรละ ๒๐ บาท โดยสามารถถใช้ได้กับรถยนต์และเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิด และเป็นโครงการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้ความสนพระทัยและติดตามการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง
แม้ปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกจะไม่สูงมากจนทำให้ผู้คนสนใจเรื่องพลังงานทดแทนน้อยลง แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังทรงแนะนำให้มีการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ด้วยพระองค์ทรงตระหนักดีว่าเรื่องของพลังงานเป็นสิ่งไม่แน่นอน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นผู้สืบสานแนวพระราชดำรินี้ให้คงอยู่และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ปวงชนชาวไทยต่อไป
นับเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ รศ.ดร.สัณห์ชัย กลิ่นพิกุล ผู้ได้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อสร้างคุณค่าและคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าฯรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้