๒ เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันที่ ๒ เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้าหญิงผู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เว็บไซต์กิมหยง ขอน้อมนำบทความเรื่อง “บทความเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พระชันษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้ามหาจักรี สิรินธร ผู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท”
โดย สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืด และกว้าง
มีต้นไม้ใหญ่ใหญ่เหมือนหอคอยที่เข้มแข็ง
พ่อจ๋า...ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย
ดูซิจ๊ะ...เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
พ่อจ๋า...เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?
ลูกเอ๋ย...ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์และความสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า เพื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า ไปเถิด...ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ...
พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ “เดินตามรอยเท้าพ่อ”
ไม่มีผืนแผ่นดินไทยส่วนไหนที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะไม่เคยย่าง พระบาทไปถึง ไม่ว่าที่นั้นจะเป็นเขาสูง หรือทุ่งกว้าง ผืนน้ำหรือพื้นราบ ที่โล่งหรือพงป่า ภูมิประเทศ อันน่ารื่นรมย์ หรือดงทาก ใต้ถุนบ้านผุพังในชนบท หรือกลางดงน้ำเน่าในแหล่งเสื่อมโทรม หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปปรากฏพระองค์อยู่ ณ ที่ใด สมเด็จพระเทพฯ ก็จะเสด็จฯ ตามไปด้วยไม่เคยห่าง
นอกจากนี้ ยังเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระองค์เองไปตามลำพัง จนทังทุกตารางนิ้วของประเทศ ทั้งพระราชกิจอันเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการพัฒนาเพื่อสงเคราะห์พสกนิกรในส่วนของพระองค์เอง ซึ่งเป็นงานที่ล้วนแล้วแต่มีวัตถุประสงค์บั้นปลาย เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นพระผู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ไปบนเส้นทางสายเดียวกับที่พระราชชนกชนนี เสด็จพระราชดำเนินไปโดยแท้และน้อยครั้งนัก ที่ขบวนเสดพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะออกไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกร และทรงงานพัฒนาในท้องถิ่นทุรกันดารในชนบท จะไม่มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ติดตามไป
ความมุ่งมั่นพระราชหฤทัยในการที่ทรงรับพระราชภาระในการสนองพระราชกรณียกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างเข้มงวดและจริงจังนั้น ประจักษ์ชัดในความรู้สึกของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถวายงานต่างๆ และพสกนิกรโดยทั่วหน้า พระผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญชาวสยามพระองค์นี้ ไม่เคยเหนื่อยหน่าย ย่อท้อ และหยุดยั้งงานที่ยากลำบากตรากตรำไม่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จฯ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินไป ณ หนใด สมเด็จพระเทพรัตนฯ ประทับอยู่ ณ หนนั้น นับเนื่องมานานจวบจนกาลปัจจุบันและที่จะเป็นไปในอนาคต
พระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานนั้นเป็นที่ลือเลื่องว่าไม่เคยทรงหยุดนิ่งแม้แต่ชั่วครู่ยามทรงหายพระทัยเป็นงานโดยตลอด ครั้งหนึ่ง เลขาธิการ กปร.ขณะนั้น (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่และภาระรับผิดชอบในการตามเสด็จฯ และเฝ้าถวายงานแด่พระราชวงศ์ทุกพระองค์ ได้เล่าให้ฟังด้วยความชื่นชมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงาน ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งล่าสุด ระหว่างที่คอยเสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง จากนครเวียงจันทน์สู่หลวงพระบาง เช้าวันนั้นทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวยแก่การบิน จึงต้องคอยอยู่ที่เวียงจันทน์เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง การรอคอยเฉยอยู่โดยไม่มีอะไรจะทำแม้ชั่วเวลาอันสั้นนั้น มิใช่วิสัยของสมเด็จพระเทพรัตนฯ อย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่จะเสียเวลาเปล่าระหว่างคอยฟ้าเปิดเพื่อนำเครื่องบินขึ้น กลับทรงนำคณะไปเยี่ยมชมสถานที่และวัดเก่าแก่ต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงเป็นการศึกษาศิลปะ โบราณคดี และวัฒนธรรมไปในตัวเป็นการดีกว่าอยู่เฉยๆ และตลอดเวลานั้นก็ได้ทรงทักทายปราศรัยกับประชาชนชาวเวียงจันทน์อย่างเป็นกันเอง และไม่ถือพระองค์ เป็นที่ประทับใจผู้คนพี่น้องชาวลาวอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นที่กล่าวขานกันในนครเวียงจันทน์มานับจนบัดนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นั้น ทรงเป็นที่รักและเทิดทูนบูชา ไม่เฉพาะในหมู่พสกนิกรชาวไทยแต่ประการเดียวเท่านั้น หากแต่ยังทรงเป็นที่ชื่นชมรักใคร่ในหมู่ประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในภูมิภาคอื่นๆ เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่เสด็จฯ เยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว ปรากฏว่าประชาชนชาวลาวทุกหมู่เหล่าได้พากันห้อมล้อมรับเสด็จฯ ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไป ณ จุดใดเป็นจำนวนมากมายมหาศาล อย่างที่ไม่เคยปรากฏในการต้อนรับบุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นแขกเมืองต่างประเทศครั้งใดมาก่อนเลย กิตติศัพท์และพระเกียรติคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นั้น ขจรไกลไพศาลมาช้านานในหมู่ชาวต่างประเทศ ครั้นได้มาชื่นชมพระบารมีเข้าจริงๆ ประกอบกับพระจริยาวัตรอันงดงาม น่าชื่นชม ความไม่ถือพระองค์ การแสดงออกซึ่งพระเมตตากรุณาที่มีต่อบุคคลทุกชั้นที่ได้พานพบ ความเอาพระทัยใส่ในพระราชภารกิจทั้งปวง ตลอดจนพระอารมณ์ขันและความเข้าพระทัยในมวลมนุษยชาติ ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายในขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ก็ทรงพยายามที่จะเรียนรู้และสอดคล้องเข้าได้กับผู้คนทุกหมู่เหล่า ทุกชาติ ศาสนา เหล่านี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้มีการถวายการต้อนรับและชื่นชมยินดีอย่างเอิกเริกจากใจจริงที่มิได้เสแสร้งจากประชาชนทั่วทุกมุมโลกและจากทุกชาติทุกภาษา
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเวียดนาม ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศเวียดนาม ที่บุคคลสำคัญหรือประมุขของต่างประเทศจะได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม มืดฟ้ามัวดินเท่ากับที่ประชาชนชาวเวียดนามถวายการต้อนรับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่ใดก็ตามจะมีประชาชนชาวเวียดนามให้ความสนใจและติดตามเฝ้าแห่แหนรับเสด็จฯ เบียดเสียดกันมาเป็นประวัติการณ์ นั่นเป็นเพราะพระเกียรติคุณอันงดงามหมดจด ซึ่งกำจรกำจายไปไกลไม่เพียงแต่ขอบขัณฑสีมาเท่านั้น หากแต่ยังปรากฏไปในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง และอาณาประเทศในภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกด้วย
ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคยุโรป เอเซีย อเมริกา และที่อื่นๆ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะได้รับการถวายการต้อนรับอย่างอบอุ่น จริงใจ และพร้อมเพรียงจากมหาชนทั่วทุกมุมโลก เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นทุกคราวอย่างน่าชื่นชมยิ่งสำหรับการเสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยียนประชาชน และทรงงานด้านการพัฒนาในประเทศนั้น กล่าวได้เลยว่าเกือบไม่มีแห่งหนใดที่สมเด็จเจ้าฟ้านักพัฒนาองค์นี้จะไม่เคยย่างเหยียบไปท่ามกลางการเฝ้าถวายความจงรักภักดีอย่างเนืองแน่นของพสกนิกรชาวไทยไม่ว่าที่ใด เวลาใด และโอกาสใด
หลายครั้งหลายคราในสภาพการณ์อันทุลักทุเล และสภาพแวดล้อมอันไม่น่าเชื่อสายตาของผู้ที่พบเห็นว่าจะทรงปรากฏพระองค์อยู่ ณ ที่นั้น แต่สมเด็จพระเทพรัตนฯ กลับปรากฏพระองค์อยู่เพื่อทรงปฏิบัติพระราชภารกิจ สอนงานในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อความอยู่ดีกินดี และความผาสุกแห่งมหาชนชาวสยามนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ จะห้ามมิให้ปวงชนชาวไทยรักใคร่และเทิดทูนพระผู้เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกร องค์นี้ได้อย่างไรเล่า และอะไรและสิ่งใด เป็นแรงบันดาลพระทัยในการที่ได้ทรงอุทิศพระองค์ให้ทรงดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการพัฒนาช่วยเหลือประชาชน อย่างทุ่มเทถึงเพียงนี้ หลายคนคงมีคำถามนี้ในหัวใจ
พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ตอบคำถามนี้ว่า
" ... เหตุที่ชอบการพัฒนาช่วยเหลือประชาชนนั้นเห็นจะเป็นเพราะความเคยชินตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ก็เห็นทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราฯ บรมราชชนนี ทรงคิดหาวิธีการต่างๆ ที่จะยกฐานะความเป็นอยู่คนไทยให้ดีขึ้น ได้ตามเสด็จฯไป เห็นความทุกข์ยากลำบากของพี่น้องเพื่อนร่วมชาติ ก็คิดว่าช่วยอะไรได้ควรช่วย ไม่ควรนิ่งดูดาย เมื่อโตขึ้นพอมีแรงทำอะไรก็ทำไปอย่างอัตโนมัติ โดยทำตามพระราชกระแส หรือทำตามแนวพระราชดำริ การช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องทำประจำอยู่แล้ว อนึ่งการช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากนั้นก็สอดคล้องกับคำสอนในพุทธศาสนาด้วย ผู้ที่ทำบุญย่อมได้รับความอิ่มอกอิ่มใจ คือได้บุญ "
การอุทิศพระองค์ ทรงงานลำบากตรากตรำ อย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อย และกระทำมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่างานนั้นจะยากลำบากปานใด เนื่องจาก การช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องทำประจำอยู่แล้ว นั้น แสดงให้เห็นแจ้งชัดถึงการถ่อมพระองค์ที่มิได้ต้องการการสรรเสริญเยินยอ ยกย่อง ทั้งๆ ที่ประชาชนชาวไทยได้ประจักษ์แจ้งชัดกันทั้งประเทศว่า น้ำพระทัยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นั้นยิ่งยิ่งใหญ่ไพศาลเพียงใด
ความสุขของคนไทยที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท บนเส้นทางสายการพัฒนาความยากจนและคุณภาพชีวิตของราษฎรที่อยู่ห่างไกลให้ได้รับความช่วยเหลือเฉกเช่นเดียวกับพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมราชชนนี ที่ได้สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์ตลอดมา
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
*คัดลอกมาจาก บทความเรื่อง “บทความเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พระชันษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เจ้าฟ้ามหาจักรี สิรินธร
ผู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท” โดย สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าถึงจาก http://www.rspg.org/thaigov_rspg/sr_honor/king-1/rs1-1.htm