ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่สำคัญและศึกษาข้อมูลพื้นที่จังหวัดสงขลา
ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่สำคัญและศึกษาข้อมูลพื้นที่จังหวัดสงขลา ในโอกาสเข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมงานประชุมวิชาการนานาชาติเมืองท่าและเส้นทางการค้าทางทะเลแห่งเอเชีย 2562 "International Symposium on Asian Port Towns and Maritime Trade Route 2019”
(5 ต.ค. 62) ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งเป็นศาลเจ้าแห่งแรกในอำเภอเมืองสงขลา ลักษณะเป็นอาคารแบบจีน สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองสงขลา ในสมัยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ สงขลา) เมื่อครั้งเป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานศาลหลักเมือง ทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าฯพระราชทานไม้ชัยพฤกษ์หลักชัยต้นหนึ่งและเทียนเล่มหนึ่งพร้อมเครื่องไทยทานต่างๆ ให้พระยาวิเชียรคีรี จัดการฝังหลักชัยเมืองสงขลาเพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งเมือง
จากนั้นท่านผู้หญิงสิริกิติยา เดินทางไปยังวัดคูเต่า อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เยี่ยมชมมรดกทางวัฒนธรรม Asia heritage โดย UNESCO พร้อมรับฟังการบรรยายประวัติ ความเป็นมาและความน่าสนใจ จากวิทยากรกรมศิลปากรและอาศรมศิลป์ ซึ่งวัดคูเต่า เดิมชื่อวัดสระเต่า เป็นวัดโบราณที่สำคัญแห่งหนึ่งริมคลองอู่ตะเภา ในเขตตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลาก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2299 สมัยอยุธยา ภายในวัดมีงานศิลปกรรมที่แสดงฝีมือของช่างท้องถิ่นภาคใต้ทั้งด้านสถาปัตยกรรม และประติมากรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประติมากรรมปูนปั้นที่มีอยู่มากมายและยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ของโบราณสถานไว้หลายจุดด้วยกัน ได้แก่ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆังและศาลาท่าน้ำ ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี จึงทำให้ "ศาลา 100 ปี วัดคูเต่า" ได้รับ "รางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2011" จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)
โอกาสเดียวกันนี้ได้เดินทางเข้าชมวัดฉื่อฉางหรือมีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า "ฉื่อเสี่ยงหยี่" ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนศุภสารรังสรรค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน โดยในอดีตวัดแห่งนี้เป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ หรือที่เรียกว่า "ศาลเจ้าหลื่อโจ้ว" เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2479 โดยชาวจีนที่เข้ามาทำการค้าขายในเมืองหาดใหญ่ ต่อมาปี พ.ศ. 2480 ได้มีการมอบถวายศาลเจ้าแห่งนี้ให้กับพระภิกษุจีนที่เดินทางจาริกมาจากประเทศจีน เพื่อยกฐานะจากศาลเจ้าให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน (วัดจีน) จากนั้นปี พ.ศ.2491 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจีนแห่งนี้ขึ้นใหม่และได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีน
ต่อมาปี พ.ศ.2531 อำเภอหาดใหญ่ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้วัดฉื่อฉางได้รับความเสียหายอย่างมากและไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงได้มีมติรื้อวิหารหลังเก่าในปี พ.ศ.2534 เพื่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยมีการวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างอุโบสถในปี พ.ศ.2539 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ชั้น เป็นการออกแบบด้วยศิลปะไทย จีนและธิเบต ซึ่งภายในวัดฉื่อฉางมีทั้งพระพุทธรูปห้ามญาติและองค์เทพที่สำคัญ เช่น องค์เจ้าแม่กวนอิมพันกร องค์เทพเจ้ากวนอู องค์ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว ซึ่งนับว่าวัดฉื่อฉางได้มีการบูรณะออกแบบ ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในได้อย่างวิจิตรสวยงาม
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด /ข่าว/ภาพ ประชา โชคผ่อง/ภาพ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา