มอบรางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ กระตุ้นโรงเรียนร่วมเป็นเกราะป้องกันนักสูบหน้าใหม่
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มอบรางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ กระตุ้นโรงเรียนร่วมเป็นเกราะป้องกันนักสูบหน้าใหม่ภายใต้ข้อจำกัดที่สามารถกระทำได้ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งการแบ่งขายบุหรี่ บุหรี่เถื่อนที่มีจำนวนมากในภาคใต้ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการแก้ปัญหาต่อไป
(26 กันยายน 2563) ณ โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน Smoke-free School Innovation 2020 ในเขตภาคใต้ เพื่อมอบรางวัลนวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ ดีเด่นที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อการควบคุมยาสูบในโรงเรียน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้น 2 แสนคน โดยอายุเฉลี่ยของการติดบุหรี่อยู่ที่ 17 ปีเศษ ซึ่งนักสูบหน้าใหม่เหล่านี้ 70% จะเลิกสูบไม่ได้ไปตลอดชีวิต และนอกจากเสพติดแล้ว ครึ่งหนึ่งของเด็กที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ จะป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาด้วยโรคต่างๆ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทุกฝ่ายในสังคมไทยจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบในการป้องกันเด็กไทยจากการเสพติดบุหรี่
ในโอกาสนี้ได้เปิดเผยข้อมูลสำรวจ "โครงการพัฒนามาตรการเฝ้าระวังและจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเยาวชนใน 4 ภูมิภาคของประเทศไทย" ของหน่วยปฏิบัติการวิจัยและวิชาการด้านการควบคุมยาสูบภาคเหนือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก โดย ผศ.ดร.จักรพันธ์ เพชรภูมิหัวหน้าโครงการวิจัย โดยผลสำรวจการเข้าถึงยาสูบของนักเรียนชั้น ม.2 จำนวน 3,982 คนทั่วประเทศจาก 4 ภาค ภาคละ 1 อำเภอ ผลคือ นักเรียนส่วนใหญ่แม้จะมีทัศนคติไม่ดีต่อการสูบบุหรี่ แต่มีความรู้เรื่องสารพิษในบุหรี่ในระดับต่ำ และรับรู้ความเสี่ยงของการเป็นโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ในระดับปานกลาง
"ขณะที่การเข้าถึงยาสูบยังง่ายมาก โดย 63.75% ซื้อผลิตภัณฑ์ยาสูบจากร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายของชำ โดยที่ 37.20% ไม่เคยถูกปฏิเสธจากร้านค้า 60.13% ซื้อแบบแบ่งขายเป็นมวน มีคำใช้จ่ายในการซื้อยาสูบเดือนละ 93 บาท 30.63% ขอจากเพื่อน หรือขอซื้อต่อจากเพื่อน ทั้งนี้ยังพบว่า 41.06% สูบในบ้านหรือบ้านเพื่อน 46.35% มีความคิดที่จะเลิกแต่ไม่เคยลงมือเลิก ข้อมูลเหล่านี้แสดงถึงความสำคัญของภาคส่วนต่างๆ ทั้งครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ต้องมีส่วนร่วมกันอย่างแข็งขันมากขึ้น ในการป้องกันเด็กๆ จากการเสพติดบุหรี่" ผศ.ดร.จักรพันธ์ กล่าว
ด้านนางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง คณะกรรมการบริหารเครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ ได้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนานวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาและยกระดับนวัตกรรมการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ได้สร้างไว้ โดยเป็นการพัฒนาให้เกิด "นวัตกรรมการดำเนินงานโรงเรียนปลอดบุหรี่" จากการใช้ มาตรการเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ที่มีมิติการดำเนินงานแต่ละมาตรการในเชิงลึก วัดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมตามหลักวิชาการ
ทั้งนี้ ในภาคใต้มีโรงเรียนที่พัฒนานวัตกรรมทั้งหมด 11 แห่ง โดยมี 5 แห่งที่ได้รับโล่นวัตกรรมโรงเรียนปลอดบุหรี่ดีเด่น เช่น โรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพที่ 201 จ.สุราษฎร์ธานี นวัตกรรมชุดการเรียนรู้ เรื่อง NO smoking สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 6 ชุด ประกอบไปด้วย
ชุดที่ 1 ค้นหาความจริง ชุดที่ 2 บิงโกหรรษา ชุดที่ 3 ปริศนาคำทาย ชุดที่ 4 ความหมายจิ๊กซอว์ ชุดที่ 5 ลุยต่อเกมสารพิษ ชุดที่ 6 พิชิตขุมสมบัติ ผลการทดสอบด้านความรู้และเจตคติที่เกิดขึ้นพบว่านักเรียนมีคะแนนหลังใช้สูงกว่าก่อนใช้ชุดการเรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนตระหนักในเรื่องพิษภัยของบุหรี่
โรงเรียนปะเหลียนผดุงศิษย์ จ.ตรัง นวัตกรรมหนังตะลุงมีชีวิต พิชิตควันบุหรี่ เพื่อรณรงค์โทษของบุหรี่ โดยการใช้วัฒนรรมการละเล่นท้องถิ่นประจำภาคใต้ แปลงเนื้อหาของเนื้อร้องเป็นรื่องโทษพิษภัย โรคร้ายของบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ฯลฯ ทำให้การสื่อสารเรื่องบุหรี่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย
โรงเรียนคลองพนสฤษดิ์พิทยา จ.กระบี่ นวัตกรรมเกมมหาสนุกสร้างสรรค์ไอคิว นวดฝ่าเท้ากดจุดสะท้อนเลิกบุหรี่สมุนไพรช่วยเลิก ใช้สอดแทรกในการจัดการเรียนการสอน ทำให้เด็กเรียนรู้เรื่องบุหรี่ด้วยความสนุก และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ในเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นวันนี้ มีการแลกเปลี่ยนความเห็นที่หลากหลาย อย่างประเด็นการสูบบุหรี่ของเยาวชนหญิงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยมองว่าน่าจะมาปัจจัยที่ต้องการให้มีการยอมรับให้เหมือนกับผู้ชาย และอีกปัญหาที่ครูสะท้อนฝากเพื่อหาแนวทางแก้ไข คือปัญหาบุหรี่เถื่อนในพื้นที่ ซึ่งมีปริมาณมาก หาซื้อง่าย ราคาถูกทำให้เด็กเข้าถึงบุหรี่ได้ง่าย รวมถึงการขายบุหรี่แตกซอง การขายยาสูบพื้นบ้าน ซึ่งมีมากและไม่มีการควบคุมการจำหน่ายที่เข้มงวด
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ หมอประกิต ยอมรับว่าปัญหามีอยู่จริงความพยายามผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างจริงจังก็ทำอยู่ ได้ผลบ้างไม่ได้บ้างในส่วนของครูและโรงเรียนอยากเสนอแนะให้ทำในสิ่งที่ทำได้ ปลูกฝังค่านิยมเด็ก หาแนวทางป้องกันจากภายใน ส่วนปัจจัยอื่นๆ คงต้องผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแก้ไขปัญหาต่อไป